6 อย่างที่โพสต์เฟสบุ๊คทุกอันต้องมี!
โพสต์เฟสบุ๊ค เป็นเครื่องมือสำคัญที่สุดที่จะช่วยคุณพ่อค้าแม่ค้าสื่อสารกับลูกค้าเลยก็ว่าได้ แต่รู้ไหมคะว่าโพสต์แต่ละโพสต์ก็มีความแตกต่างกัน เรามีโพสต์ที่ดีและก็โพสต์ที่ไม่ดี คุณพ่อค้าแม่ค้าอาจจะคิดว่า เอ๊ะ แล้วโพสต์ที่ดีนั้นเป็นยังไง วัดด้วยอะไร โพสต์ที่ดีในที่นี้พิมเพลินหมายถึงโพสต์ที่ดีสำหรับผู้อ่าน ทำให้คนอยากอ่าน อยากกด อยากแชร์ และทำให้คนเห็นโพสต์ของเราเยอะที่สุด ซึ่งก็เป็นจุดประสงค์หลักของโพสต์จากเพจร้านค้าส่วนมากค่ะ วันนี้พิมเพลินเลยจะเอา 6 อย่างที่ควรทำเพื่อให้ได้โพสต์ที่ดีมาเล่าให้คุณพ่อค้าแม่ค้าฟังเผื่อนำไปใช้นะคะ
1. วางแผนสิ่งที่จะโพสต์บนหน้าเพจเฟสบุ๊ค
การโพสต์แต่ละครั้งไม่ควรเป็นไปแบบตามใจชอบ รู้ไหมคะว่าร้านค้าดังๆ ที่มีคนไลค์เพจ แชร์โพสต์กันเยอะๆ ส่วนมากเขาวางแผนการโพสต์มาอย่างดี แผนนี้มีอะไรบ้าง? หัวข้อเรื่องที่จะโพสต์ สมมติคุณขายครีมหอยทาก คุณก็อาจตั้งหัวข้อคร่าวๆ ว่าจะโพสต์เกี่ยวกับเรื่องอะไรบ้าง เช่น เกล็ดน่ารู้เกี่ยวกับการทำครีมหอยทาก, รีวิวการใช้ครีม, วิธีการทาครีม, การดูแลสุขภาพให้หน้าใสไร้รอยเหี่ยว แบบนี้เป็นต้น นอกจากนี้ คุณพ่อค้าแม่ค้ายังต้องมีแผนสำหรับวันและเวลาที่จะโพสต์ด้วยนะคะ แล้วก็อย่าลืมทำให้เป็นกิจวัตร เพราะมันจะมีผลต่อการที่เฟสบุ๊คประเมินโพสต์และเพจของคุณค่ะ
2. เขียนให้สั้นสำหรับคนขี้เกียจอ่าน
ทุกวันนี้จำนวนคนเล่นเฟสบุ๊คเยอะขึ้นทุกที แต่จำนวนคนที่หยุดเพื่ออ่านโพสต์ๆ นึงกลับน้อยลง ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะคอนเทนต์มันเยอะขึ้นทุกวันเหมือนกัน ทำให้หน้า News Feed ของแต่ละคนเต็มไปด้วยเนื้อหาเยอะแยะไปหมดเลือกอ่านไม่ไหว เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณพ่อค้าแม่ค้าควรทำคือ เขียนให้สั้นและได้ใจความ สำหรับพิมเพลิน พิมเพลินมักจะโพสต์ลิงก์และเขียนคำอธิบายสั้นๆ ไม่เกิน 2 บรรทัด หรือถ้าลงรูปสินค้าและต้องการบอกรายละเอียดพิมเพลินแนะนำให้แยกเป็นบรรทัดๆ แบบในรูปค่ะ เพราะอ่านง่าย ไม่ดูอึดอัด ทำให้คนอยากอ่านมากขึ้นค่ะ
3. ประเมินผลทุกครั้งหลังโพสต์
หลังจากที่เราโพสต์อะไรไปบนหน้าเพจแล้ว ไม่ว่าเราจะลงโฆษณาหรือไม่ เราก็ต้องมาประเมินผลกันนะคะ โดยวิธีง่ายๆ เลยก็คือเข้าไปที่ส่วน "ข้อมูลเชิงลึก" (Insights) แล้วคลิกแต่ละโพสต์ดูว่าผลตอบรับเป็นยังไง บางทีเราอาจจะได้รู้ว่าแฟนเพจเราชอบโพสต์ที่มีลิงก์มากกว่า หรือบางทีเขาชอบโพสต์ที่เป็นรูปมากกว่า ครั้งหน้าที่เราจะโพสต์อะไรเราจะได้วางแผนถูกค่ะ
4. ใช้ #Hashtags
การติดแท็ก (หรือแฮชแท็ก) มีส่วนช่วยให้คนเห็นโพสต์ของคุณมากขึ้นเหมือนกันนะคะ เพราะเดี๋ยวนี้คนเริ่มค้นหาผ่านช่องค้นหาในเฟสบุ๊คกันมากขึ้นแล้ว ซึ่งเฟสบุ๊คก็จะเลือกแสดงข้อความที่ติดแท็กเท่านั้น เพราะฉะนั้นอย่าลืมติดแท็กกันด้วยนะคะ อ๊ะ แต่บอกก่อนนิดนึงว่าต้องเลือกคำที่จะติดแท็กให้เข้ากับสินค้าของเรา และคิดว่าเป็นคำที่คนที่สนใจจะซื้อสินค้าจะใช้ค้นหาด้วยนะคะ ไม่ใช่ติดแท็กไปซะทุกคำเลย นอกจากนั้น ติดแท็กให้ชื่อร้านเราด้วยก็ดีค่ะ เวลาคนค้นหาร้านเราเขาจะได้เห็นสินค้าของเราเลย
5. แก้ไขคำอธิบายในลิงก์
เวลาที่เราเอาลิงก์มาโพสต์บนหน้าเพจของเรา ปกติแล้วลิงก์นั้นก็จะมีรูป มีคำอธิบายมาให้เรียบร้อยใช่ไหมคะ ทีนี้ สิ่งที่เราควรทำก็คือแก้ไขคำอธิบายให้เข้ากับสิ่งที่เราจะบอกลูกค้า เพราะบางทีลิงก์ที่เราก็อปมาอาจจะมีหัวข้อที่ดูไม่น่าอ่าน เช่น "ผลการวิจัยเกี่ยวกับเมือกหอยทาก" เราก็อาจจะเปลี่ยนเป็น "10 ข้อที่พิสูจน์ว่าครีมหอยทากช่วยบำรุงหน้าได้จริง" ก็ได้ค่ะ และถ้าทำได้ก็อย่าลืมใส่คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวกับร้านค้าและสินค้าของคุณด้วยนะคะ จะได้ช่วยเพิ่มโอกาสในการหาเจอของลูกค้า
6. ทดลองโพสต์หลายๆ เวลา
อย่าเพิ่งเชื่อคำที่บอกว่าโพสต์วันพฤหัสบดีหรือวันศุกร์ดีกว่าวันอื่นๆ เพราะพิมเพลินเชื่อว่าแฟนๆของแต่ละเพจนั้นมีพฤติกรรมการออนไลน์ที่ไม่เหมือนกัน คุณพ่อค้าแม่ค้าต้องลองโพสต์หลายๆ วัน และลองโพสต์หลายๆ เวลา โดยตอนแรกอาจจะเริ่มจากการดูใน "ข้อมูลเชิงลึก" (Insights) ตรงส่วน "โพสต์" (Posts) ก่อนก็ได้ว่าแฟนๆ ของเราส่วนใหญ่ออนไลน์วันและเวลาไหน จากนั้นก็ลองโพสต์เวลาต่างกัน เช่น โพสต์วันจันทร์ตอน 6 โมงเย็น, วันพุธ 6 โมงเย็น, วันศุกร์ 6 โมงเย็น ทำซ้ำๆ สัก 2 อาทิตย์ จากนั้นลองเปลี่ยนเป็น โพสต์วันจันทร์, พุธ, ศุกร์ตอน 9 โมงเช้าแทน ทำซ้ำ 2 อาทิตย์แล้วมาเปรียบเทียบดูว่าแบบไหนทำได้ดีกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณพ่อค้าแม่ค้าโพสต์เหมือนกันนะคะ ปกติโพสต์ที่เป็นรูปก็จะได้ไลค์เยอะกว่าโพสต์ทีเป็นข้อความเฉยๆ อยู่แล้วค่ะ ใครอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่มเติมสามารถเข้าไปอ่านบทความ "โพสต์ตอนไหนดีให้คนเห็นเยอะที่สุด" ได้เลยนะคะ
เป็นยังไงกันบ้างคะ พิมเพลินเชื่อว่าถ้าคุณพ่อค้าแม่ค้าทำตามนี้โพสต์จะต้องได้รับความสนใจมากขึ้นแน่นอน และเมื่อเริ่มมีคนติดต่อเข้ามา เริ่มขายของได้มากขึ้นแล้ว ก็อย่าลืมเรื่องการจัดการร้านให้ดีด้วยเพื่อจะได้รักษาลูกค้าให้อยู่กับเราไปนานๆ หนึ่งในวิธีที่ง่ายและได้ผลดีสุดๆ ก็คือการใช้บิลออนไลน์ค่ะ ซึ่งบิลจะช่วยให้คุณพ่อค้าแม่ค้าสามารถเช็คออเดอร์ของลูกค้าง่ายๆ ว่ามีใครสั่งอะไรมาบ้าง ใครโอนแล้วบ้าง และเราส่งสินค้าให้ใครแล้วบ้างค่ะ :)
หากคุณสนใจใช้งาน Page365 คุณสามารถ สมัครใช้งานฟรี
หรืออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เริ่มต้นกับ Page365 หรือ ทำไมเราถึงฟรี?