บริการ Sale Page คืออะไร? เจ้าไหนดี? ใช้ฟรี ใช้ง่าย ร้านค้าออนไลน์ปิดการขายเร็ว
กระแสการขายของออนไลน์ในช่วงนี้ มีแค่เพจร้านค้า ขายผ่านโซเชียลอย่างเดียวอาจจะยังไม่พอ ลำพังจะทำเว็บขายสินค้าเองก็ยุ่งยากวุ่นวาย “Sale Page (เซลเพจ)” จึงมักจะถูกพูดถึงในแวดวงแม่ค้าออนไลน์มากขึ้น! และวันนี้พิมเพลินจะพาไปทำความรู้จักกับ Sale Page ตัวช่วยปิดการขาย ที่กำลังเป็นที่พูดถึงและต้องการในหมู่ร้านค้าออนไลน์ พร้อมรวมผู้ให้บริการ Sale Page ที่น่าสนใจมาไว้ในบทความนี้แล้วค่ะ
Sale Page คืออะไร?
Sale Page (เซลเพจ) คือ หน้าเว็บไซต์ที่แสดงสินค้าแบบหน้าเดียวค่ะ เป็นหน้าที่เอาไว้กระตุ้นการขายสินค้าโดยเฉพาะ ปิดการขายในหน้าเดียว ภายในเซลเพจจะมีข้อมูลต่าง ๆ ของสินค้าอยู่ในหน้าเดียว เช่น รายละเอียดสินค้า, รูปภาพ, วิดีโอ, รีวิวจากลูกค้า, โปรโมชั่น, ราคาสินค้า และมีปุ่มกดไว้สำหรับกระตุ้นให้ลูกค้าทำอะไรบางอย่าง (Call to Action) ตามที่ร้านค้าตั้งค่าไว้ เช่น ติดต่อร้านค้า, กดปุ่มเพื่อลิงก์ไปที่ Facebook Page ร้านค้า, LINE OA หรือ หน้าตระกร้าสินค้าบนเว็บร้านค้าออนไลน์ของเราค่ะ
Tips: Page365 Store เว็บไซต์ร้านค้าสำเร็จรูป ที่พ่อค้า แม่ค้าออนไลน์สามารถมีหน้าร้านค้าออนไลน์เป็นของตัวเองได้ง่าย ๆ ไม่ต้องจ้างคนมาเขียนเว็บให้ สามารถดึงสินค้าที่ขายบนหน้าเพจร้าน มาครีเอทให้เป็นหน้าเว็บไซต์ แถมลูกค้าสามารถกดสั่งซื้อแบบระบบตะกร้าได้เลย
การทำ Sale Page ดีกว่าทำ Facebook Page หรือเปล่า?
คำตอบนี้พิมเพลินขอตอบว่า “ดีคนละแบบค่ะ” เพราะทั้งสองอย่างนี้ต่างก็มีข้อดีแตกต่างกันค่ะ ถ้าเป็น Sale Page จะช่วยตอบโจทย์ในด้านการโปรโมทสินค้า 1 หน้าต่อ 1 สินค้า เหมาะกับจัดโปรโมชั่นกับสินค้า อยากปิดการขายสินค้าชิ้นนั้นแบบรวดเร็ว ตกแต่งหน้า Sale Page ได้ตามใจ สามารถแชร์ลิงค์ต่อได้
ส่วนร้านค้าบน Facebook Page ข้อดีคือ ลงทุนน้อยแม่ค้าออนไลน์ไม่ต้องเช่าพื้นที่ เพราะเป็นแพล็ตฟอร์มที่ใช้ฟรี สามารถโปรโมทสินค้าของเราได้อย่างเต็มที่ ลูกค้าสามารถติดต่อพูดคุยกับแอดมินได้โดยตรง แถมยังมีฟังก์ชันช่วยโปรโมทการขายได้เยอะ เช่น Facebook Live ฯลฯ และถ้าถามว่า ทำแบบไหนดีกว่ากัน? พิมเพลินแนะนำว่าทำทั้งสองอย่างควบคู่กันจะยิ่งเสริม และเพิ่มโอกาสการขายมากยิ่งขึ้นค่ะ ^^
Sale Page เหมาะกับธุรกิจออนไลน์แบบไหน?
Sale Page เหมาะกับธุรกิจค้าขายออนไลน์ทุกรูปแบบค่ะ เพราะในหนึ่งหน้า Sale Page จะสามารถบอกคุณสมบัติของตัวสินค้าที่เราต้องการจะขายได้ครบถ้วนภายในหน้าเดียว โดยเฉพาะกับร้านค้าออนไลน์ที่ต้องการโปรโมทสินค้า หรือจัดโปรโมชั่นให้กับสินค้าที่เหลือจำนวนไม่มากและต้องการปิดยอดขายค่ะ
ข้อดีของ Sale Page
เข้าถึงง่าย เพราะมีอยู่หน้าเดียว (1 หน้า ต่อ 1 สินค้า) ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ไม่ชอบอ่านอะไรยาว ๆ หรือคลิกเปิดหลายหน้า
ช่วยโปรโมทสินค้าหรือโปรโมชั่น มีโอกาสขายมากขึ้น
ช่วยปิดการขายเร็ว ยอดขายเพิ่มขึ้น
ปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ตามต้องการ
แชร์ลิงก์ต่อได้ ช่วยให้มีการเข้าถึงและรู้จักร้านค้าออนไลน์ของคุณได้มากขึ้น
ผู้ให้บริการ Sale Page เจ้าไหนดี?
ปัจจุบันมีหลายเจ้าที่ให้บริการ Sale Page สำเร็จรูปไว้คอยให้แม่ค้าออนไลน์ได้เลือกใช้ค่ะ โดยแต่ละเจ้าก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป มีทั้ง Sale page สำเร็จรูปใช้ฟรี และเสียค่าบริการ วันนี้พิมเพลินมีเหล่าผู้ให้บริการ Sale Page สวย ๆ มาให้แม่ค้าออนไลน์ประกอบการตัดสินใจกันค่ะ
1. Sale Page เจ้าไหนดี? : Page365 Store
หน้าร้านค้าออนไลน์จาก Page365 ที่แปลงสินค้าบน Facebook Page ของคุณให้กลายเป็นหน้าร้านบนเว็บไซต์ ให้แม่ค้าออนไลน์ที่อยากมีหน้าเว็บไซต์เป็นของตัวเองได้ใช้งานอย่างฟรี ๆ ไม่เสียค่าใช้จ่าย เชื่อมต่อกับฟังก์ชันระบบจัดการร้านค้าครบวงจร และยังรองรับการติดรหัสติดตามการเข้าชมหน้าเว็บไซต์ ทั้ง Facebook Pixel, Google Analytics ซึ่งมีธุรกิจออนไลน์เจ้าดังหลายแบรนด์ ที่ใช้ Page365 Store อาทิ Gallery Drip Coffee, Bitkub Academy, RipCurl Thailand, Teelakow - ทีละก้าว ฯลฯ
2. Sale Page เจ้าไหนดี? : TakraOnline
ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ ที่ผู้ใช้สามารถสร้าง Sale Page ด้วยตัวเองทั้งบนมือถือ แท็บเล็ตและคอมพิวเตอร์ หน้าตาใช้งานง่าย สามารถปรับแต่งดีไซน์ได้อย่างอิสระตามความต้องการ ฟังก์ชันเยอะ สามารถสร้างหน้าเซลเพจสูงสุดถึง 30 หน้า และรองรับการทำ SEO และการตลาดออนไลน์หลากหลายรูปแบบด้วยนะคะ โดยมีราคาเริ่มต้นการใช้งานอยู่ที่ 325 บาท/เดือน
3. Sale Page เจ้าไหนดี? : FastCommerz
บริการรับสร้างเซลเพจสำหรับขายสินค้าออนไลน์โดยเฉพาะ เป็น Sale Page สำเร็จรูป รองรับการทำงานทั้งบนคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน มีบริการครบครัน ทั้งระบบแจ้งเตือน สามารถลงโฆษณาได้เอง รวมถึงมีระบบ Flash sale ช่วยเร่งปิดการขายให้ด้วย (คล้าย ๆ กับ Shopee, Lazada) ราคาเริ่มต้นการใช้งานอยู่ที่ 1,990 บาท/ปี
4. Sale Page เจ้าไหนดี? : 911 Salepage
911 Salepage หรือ salepage.in.th คืออีกหนึ่งบริการเซลเพจที่แม่ค้าออนไลน์สามารถสร้าง Sale Page ได้ด้วยตัวเองบนมือถือง่าย ๆ ใน 5 นาที มีดีไซน์หลากหลาย รองรับ E-commerce ทุกรูปแบบ ความดีงามที่แตกต่างจากเจ้าอื่นที่น่าสนใจคือรองรับได้หลายภาษา และมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาเรื่องการสร้าง Sale Page ให้ด้วย โดยราคาแพ็คเกจเริ่มต้นที่ 1,980 บาท/ปี ค่ะ
5. Sale Page เจ้าไหนดี? : Clicksalepage
ClickSalepage บริการเซลเพจอีกหนึ่งเจ้าที่แม่ค้าออนไลน์สามารถสร้างหน้า Sale Page ได้เองภายใน 5 นาที โดยไม่จำเป็นต้องจ้างโปรแกรมเมอร์ ซัพพอร์ททุกการโฆษณาออนไลน์ อาทิ Facebook Ads, TikTok และ Google Tag Manager โดยราคาแพ็คเกจเริ่มต้นที่ 580 บาท/เดือนค่ะ
6. Sale Page เจ้าไหนดี? : xCommerce Sale Page
xCommerce Sale Page อีกหนึ่งผู้ให้บริการเซลเพจที่มีระบบการออกแบบใช้งานง่าย ร้านค้าสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ใช้งานได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต รองรับการยิง Ads โฆษณาส่งเสริมการขาย เช่น Facebook Ads, Google Ads, LINE LAP (LINE Ads Platform) และ TikTok Ads สามารถทดลองใช้ฟรี 15 วัน ค่ะ
7. Sale Page เจ้าไหนดี? : Pro Sale Page
Pro Sale Page ผู้ให้บริการ Sale Page สำเร็จรูป ทดลองใช้ฟรี 7 วัน ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานหลายรูปแบบตั้งแต่ ขายสินค้า หน้าลงทะเบียน และอื่น ๆ มีฟังก์ชันรองรับมากมาย อาทิ รองรับการอัพโหลดรูปภาพสินค้า วิดีโอบน Youtube และสามารถติดตั้งเครื่องมือทำการตลาดออนไลน์ได้ทั้ง Google Analytic, Facebook Pixel รวมถึง TikTok Pixel ส่วนราคาแพ็คเกจเริ่มต้นที่ 399 บาท/เดือน ค่ะ
8. Sale Page เจ้าไหนดี? : Onepage Website
Onepage Website เป็นบริการ Sale Page สำเร็จรูปที่เน้นการใช้งานง่าย ไม่จำกัดหน้า เหมาะสำหรับมือใหม่หัดทำเซลเพจ เพราะมีแค่ 4 เมนูหลัก ๆ เท่านั้น นอกจากจะมีเทมเพลตที่ร้านค้าสามารถ Custom ออกแบบการใช้งานได้เอง ยังรองรับการใช้งานทั้งบนคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน สามารถจดโดเมนเว็บไซต์เป็นของตัวเองได้ รองรับการทำ SEO, SEM, Facebook Ads, TikTok Ads (Sale Page TikTok) โดยราคาแพ็คเกจเริ่มต้นที่ 7,990 บาท/ปีค่ะ
และนี่ก็คือ Sale Page ตัวช่วยในการเพิ่มพื้นที่การโปรโมท และขายสินค้าในร้านค้าออนไลน์ของเราให้ได้ขึ้น ที่พิมเพลินรวบรวมข้อมูลและผู้ให้บริการ นำมาแบ่งปันให้พ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ได้ทำความรู้จักและเลือกใช้บริการกัน แต่ละเจ้าก็จะมีจุดเด่นแตกต่างกันไป เพราะฉะนั้น! ลองศึกษาข้อมูล และเปรียบเทียบบริการ Sale Page แต่ละเจ้าให้ดี เลือกที่เหมาะสมกับการใช้งานของเราจะดีที่สุดค่ะ
หากคุณสนใจใช้งาน Page365 คุณสามารถ สมัครใช้งานฟรี
หรืออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เริ่มต้นกับ Page365 หรือ ทำไมเราถึงฟรี?