ขายของออนไลน์บนช่องทางโซเชียลอาจจะยังไม่พอ การขยายไปแพลตฟอร์มอย่าง Lazada ด้วย นับว่าเป็นอีกช่องทางยอดนิยมสำหรับพ่อค้า - แม่ค้าออนไลน์ที่อยากให้ร้านค้าเป็นที่รู้จักและขยายรายได้มากขึ้น แต่จะทำยังไงให้ขายได้ ขายดี มีลูกค้าเข้ามาตลอด ในเมื่อ Lazada ก็เป็นแหล่งรวมร้านค้าทั้งรายเล็กและรายใหญ่?

แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ ในบทความนี้พิมเพลินจะมาบอก “เคล็ด (ไม่) ลับ ให้คุณขายดีบน Lazada ให้พ่อค้า - แม่ค้าออนไลน์ ทั้งมือใหม่ และพ่อค้า - แม่ค้าออนไลน์ที่เปิดร้านบนลาซาด้าอยู่แล้วให้ประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น!”

สนใจหัวข้อไหน เลือกอ่านได้เลย!

ก่อนเปิดร้านบน Lazada Seller Center

ขั้นตอนเปิดร้านบน Lazada Seller Center

อยากขายดีบน Lazada Seller Center ต้องทำยังไง?

ก่อนเปิดร้านบน Lazada Seller Center

ก่อนที่เราจะเปิดร้านค้าบน Lazada เราเองก็ต้องรู้กันก่อนค่ะว่ามีร้านค้าแบบไหนอยู่บ้าง โดยทางลาซาด้าได้แบ่งไว้ 3 ประเภท ได้แก่

Marketplace Seller สำหรับเปิดร้านโดยบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล
LazMall สำหรับเจ้าของแบรนด์ที่มีชื่อเสียง หรือตัวแทนจำหน่อยสินค้าจากต่างประเทศอย่างเป็นทางการในประเทศไทย
LazGlobal สำหรับร้านค้าจากต่างประเทศ มีการจดทะเบียนทางธุรกิจ
ซึ่งตรงนี้พิมเพลินจะบอกวิธีเปิดร้านบน Lazada ในฝั่งของ Marketplace Seller นะคะ เพราะว่าเป็นการเปิดร้านโดยบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลนั่นเองค่ะ ที่สำคัญ สมัครร้านค้าใหม่ ยิ่งได้สิทธิพิเศษเยอะ แถมยังสมัครฟรี ไม่เสียค่าแรกเข้าด้วย

ขั้นตอนเปิดร้านบน Lazada Seller Center

การเปิดร้านค้าใหม่บน Lazada ร้านค้าจะต้องทำการสมัครด้วยเบอร์โทรศัพท์และรหัส OTP

สมัครผ่านแอปพลิเคชัน Lazda Seller Center หรือ เข้าเว็บไซต์ sellercenter.lazada.co.th เพื่อลงทะเบียนเปิดร้านบนลาซาด้าด้วยเบอร์โทรศัพท์
ใส่รหัส OPT จำนวน 6 หลัก เพื่อยืนยันตัวตน
เลือกประเภทร้านค้าเป็นแบบบุคคล (Personal)

Step 1 ใส่ที่อยู่อีเมล

กรอกอีเมล (หากยังไม่ได้ใส่ตอนลงทะเบียนครั้งแรก)

กด “แก้ไข” อีเมล
คลิกที่ปุ่ม “ส่ง” เพื่อรับรหัส OTP และกรอกรหัส 6 หลัก ที่ส่งไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ลงทะเบียน
กรอกอีเมลของคุณ และกรอกรหัสยืนยันที่ส่งเข้าไปที่อีเมลของคุณ เพื่อยืนยันการเพิ่มอีเมล
ตรวจสอบอีเมลของคุณอีกครั้ง และกดยืนยัน

Step 2 กรอกที่อยู่ร้านค้า

ในหน้าการกรอกข้อมูลที่อยู่ร้านค้า ที่พ่อค้า - แม่ค้าออนไลน์ต้องกรอกจะประกอบด้วย

ที่อยู่คลังสินค้า
กรอกข้อมูลคลังสินค้าให้ถูกต้อง ครบถ้วน โดยร้านค้าจะต้องทราบด้วยนะคะว่าที่อยู่คลังสินค้าเป็นที่อยู่สำหรับเข้ารับสินค้า ซึ่งตรงนี้จะมีผลต่อระบบในการเลือกบริษัทขนส่งให้แก่ร้านค้าค่ะ สำหรับร้านบุคคลธรรมดา ตรงนี้ไม่จำเป็นต้องกรอกที่อยู่ให้ตรงกับบัตรประชาชน ส่วนร้านค้าประเภทนิติบุคคลก็ไม่จำเป็นต้องกรอกที่อยู่ให้ตรงกับที่อยู่บนหนังสือรับรองบริษัทค่ะ

ที่อยู่ในการคืนสินค้าที่อยู่ในการคืนสินค้า
ที่อยู่ในการคืนสินค้า ให้ร้านค้ากรอกที่อยู่ที่ขนส่งนำสินค้าไปส่งหากมีพัสดุตีกลับมายังร้านค้า

ที่อยู่ร้านค้า / บริษัท
ร้านค้าที่เป็นบุคคลธรรมดา สามารถกดตั้งค่าให้ที่อยู่ในการคืนสินค้าและที่อยู่ร้านค้าให้ตรงกับที่อยู่คลังสินค้าได้ แต่ถ้าเป็นร้านค้าที่เปิดในนามนิติบุคคล ที่อยู่ร้านค้าจะต้องกรอกข้อมูลให้ตรงกับหนังสือรับรองค่ะ

Step 3 ส่งเอกสารยืนยันตัวตน

เอกสารในการยืนยันตัวตน สำหรับร้านที่เปิดในนามบุคคลธรรมดา ใช้เพียงแค่บัตรประชาชนและสมุดบัญชีธนาคารที่มีชื่อตรงกับบัตรประชาชน ในกรณีที่ผู้สมัครอายุต่ำกว่า 20 ปี จะต้องมีเอกสารรับรองจากผู้ปกครองแนบเข้ามา และเฉพาะชาวต่างชาติที่สามารถใช้พาสปอร์ตอัปโหลดแทนได้

แต่ถ้าร้านค้าเปิดในนามนิติบุคคลจะต้องแนบหนังสือรับรองบริษัท, ภพ.20 และสมุดบัญชีที่ชื่อเจ้าของบัญชีตรงกับชื่อบนหนังสือรับรองค่ะ

Step 4 ทำการเพิ่มสินค้า

ในขั้นตอนสุดท้าย ทาง Lazada Seller Center จะให้เราทำการเพิ่มสินค้าเข้าไปจำนวน 1 ชิ้นค่ะ โดยข้อมูลหลัก ๆ ที่เราจะต้องกรอกจะมีดังนี้

1. รูปภาพสินค้า + ชื่อสินค้า

2. รายละเอียดสินค้าเช่น หมวดหมู่สินค้า ไซซ์ สี หรือคำอธิบายเพิ่มเติม

3. ราคาและสต๊อกที่ต้องการจะลงขาย

4. น้ำหนักสินค้าที่ใช้ในการขนส่ง (รวมกล่องพัสดุ)

5. ขนาดแพ็กเกจ (ยาว x กว้าง x สูง)

เมื่อเรากรอกข้อมูลต่าง ๆ สำหรับเปิดร้านบน Lazada Seller เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นระบบก็จะพาเรากลับมาที่หน้าจัดการสินค้า สรุปรายละเอียดสำคัญต่าง ๆ ของสินค้าชิ้นนั้น เท่านี้ร้านค้าของเราก็พร้อมขาย และรอรับออเดอร์ได้เลย

อยากขายดีบน Lazada Seller Center ต้องทำยังไง?

1.ใส่ใจสินค้าที่จะขาย

ไม่ว่าจะชื่อสินค้า, รายละเอียด, หมวดหมู่สินค้า คือเป็นด่านแรกที่ร้านค้าต้องให้ความใส่ใจค่ะ เพราะลูกค้ามักจะเสิร์ชค้นหาสินค้าตาม Keyword ที่ค้นหา ชื่อสินค้าควรใช้ Keyword ที่ตรงกับตัวสินค้าที่เราขาย รายละเอียดของสินค้า ไม่ว่าจะเป็นขนาด, ผลิตจากวัสดุอะไร, จนถึงการใช้งาน ถ้าเราบอกข้อมูลที่ครบถ้วน โอกาสที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อก็ง่ายขึ้น

2. ร้านค้าสวยงาม ช่วยดึงดูดลูกค้า

คิดง่าย ๆ เลยค่ะ ร้านค้าสวยใคร ๆ ก็อยากเขามาเยี่ยมชม ยิ่งเราตกแต่งร้านค้าให้ดีมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเรียกผู้เข้าชมได้มากเท่านั้น ยิ่งมีสินค้าเยอะ ก็ต้องจัดระเบียบสินค้าให้เป็นหมวดหมู่ ง่ายต่อการค้นหา จะยิ่งช่วยเพิ่มยอดขายได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะค่ะ

3. ตกแต่งสินค้าให้น่าซื้อด้วย Lorikeet

หน้าร้านสวยงามแล้ว ตัวสินค้าก็ต้องสวยงามน่าซื้อด้วยค่ะ ในหน้าจัดการสินค้าของ Lazada Seller Center มีเครื่องมือที่ชื่อว่า Lorikeet อยู่ เจ้าตัวนี้จะเป็น Template ช่วยตกแต่งรายละเอียดสินค้าให้สวยงาม (ถ้านึกภาพไม่ออกให้นึกถึงหน้า Sale Page ค่ะ) เพิ่มคุณค่าและเพิ่มอัตราการซื้อให้กับสินค้าของเราเพียงไม่กี่คลิกเท่านั้น ขอเพียงแค่เรามีรูปภาพ และข้อมูลรายละเอียดที่ครบถ้วนแค่นั้นเองค่ะ

4. มีคลิปวิดีโอแนะนำสินค้า ช่วยให้ลูกค้าซื้อง่ายขึ้น

นอกจากรูปภาพสินค้าที่สวย มีหลายรูป หลายมุมแล้ว คลิปวิดีโอแนะนำสินค้าก็เป็นตัวช่วยดึงดูดให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นอีก ฉะนั้น ถ้าเรามีวิดีโอแนะนำสินค้าก็อย่าลืมใส่ลงไปด้วยนะคะ หรือใช้ลิงก์วิดีโอจาก Youtube มาช่วยเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจซื้อของลูกค้าได้ด้วยเช่นกัน

5. สร้างคูปองส่วนลด กระตุ้นยอดขาย

เพิ่มอัตราการซื้อ กระตุ้นยอดขายให้พุ่งกระฉูดด้วยคูปองส่วนลด ไม่ว่าจะเป็น คูปองส่วนลดสำหรับลูกค้าใหม่, คูปองเฉพาะผู้ที่ติดตามร้านค้า, คูปองส่วนลดร้านค้า หรือสร้างคูปองส่วนลดอื่น ๆ ของร้านค้า ยิ่งร้านค้ามีคูปองส่วนลดให้เลือกเยอะ จะยิ่งช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายขึ้นพร้อมทั้งยอดเข้าชมและยอดขายให้เติบโตขึ้นไปอีก

6. ใช้เครื่องมือบน Lazada Seller Center ให้ครบทุกตัว

ใน Lazada Seller Center เช่น เครื่องมือบรอดแคสต์ข้อความ (CEM), เครื่องมือช่วยโปรโมทสินค้า, คูปอง, แคมเปญ, แชท, ฟีด, LazPick, LazLive และอื่น ๆ อีกมากมายที่ Lazada ต้องการให้เจ้าของร้านค้าได้ใช้งานและให้มีโอกาสขายสินค้าได้มากขึ้น ฉะนั้น เราควรที่จะใช้เครื่องมือเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุดนะคะ แต่ถ้าเรารู้สึกมีความกังวลว่าเครื่องมือเหล่านี้ใช้งานยังไง ทางลาซาด้าเขาก็มี Customer service คอยให้คำแนะนำค่ะ หรือเราจะเข้าไปหาความรู้ ศึกษาด้วยตัวเองได้ที่ Lazada University ค่ะ

7. ตั้งราคาให้สมเหตุสมผล

สิ่งหนึ่งที่เราต้องยอมรับสำหรับการเปิดร้านใน Lazada Seller Center นั่นคือคู่แข่งทางการค้า และสงครามราคา การตั้งราคาสินค้าที่สูงหรือต่ำจนเกินไปล้วนไม่ใช่ผลดี ถ้าเราตั้งราคาสูงไปเกินไป โอกาสสูงที่ลูกค้าจะไปซื้อสินค้าจากร้านอื่นได้ง่าย ๆ ที่เขาขายถูกกว่าแต่ ถ้าตั้งราคาที่ต่ำเกินไป กำไรก็จะได้แค่นิดเดียวจนทำให้รู้สึกว่าไม่คุ้มที่ขายค่ะ ฉะนั้น แนะว่าควรตั้งราคาตามมาตรฐานของท้องตลาดและสมเหตุสมผลกับคุณภาพของสินค้าจะดีที่สุดค่ะ

คุณอาจสนใจสิ่งนี้เพิ่มเติม: เคล็ด (ไม่) ลับการตั้งราคาสินค้า ให้ลูกค้ารู้สึกจ่ายถูกและคุ้ม!

8. ตอบแชท ยิ่งไว ยิ่งดี!

แม้ว่า Lazada Seller Center จะมีฟังก์ชันแชทบอทช่วยตอบลูกค้าให้ร้านค้าได้ใช้งาน แต่ลูกค้าก็ชอบที่จะพูดคุยกับผู้ขายจริง ๆ การตอบแชทให้ไว ลูกค้าถามปุ๊บ และได้คำตอบทันที เป็นการช่วยยืนยันว่าร้านของเรามีตัวตนอยู่จริงและพร้อมให้บริการ ยิ่งตอบไว โอกาสปิดการขายได้เร็วก็ยิ่งมีมากค่ะ

9. แคมเปญของ Lazada Seller Center อย่าลืมเข้าร่วม

ลาซาด้าจะจัดแคมเปญให้ร้านค้าเข้าร่วมเยอะมากค่ะ ทั้ง Payday, Mid-Month Sale แคมเปญใหญ่ ๆ อย่าง 11.11, 12.12 หรือแม้แต่ Flash Sale แคมเปญเหล่านี้จะโชว์ร้านค้าที่เข้าร่วมแคมเปญสินค้าอยู่หน้าแรก ๆ ลูกค้าเห็นตั้งแต่เข้าแอปฯ ก็ทำให้มีโอกาสขายมากขึ้น

และนี่ก็คือเคล็ดที่ไม่ลับสำหรับเพิ่มยอดขายบน Lazada Seller Center ที่พิมเพลินได้นำมาฝากกับคุณพ่อค้า - แม่ค้าออนไลน์ที่กำลังจะขยายช่องทางการขายไปยังแพล็ตฟอร์ม Merketplace อย่าง Lazada ค่ะ และถ้าหากอยากได้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการขายของบนแอปพลิเคชันลาซาด้าโดยเฉพาะ สามารถคลิกไปที่ Lazada University ได้เลย พิมเพลินรับรองว่าคุณจะได้เทคนิคไปปรับใช้ในการขายของกับลาซาด้าแน่นอน!

Page365 แนะนำ

และถ้าหากว่าขายของหลายช่องทาง หลายโซเชียล ไม่ว่าจะทั้ง Facebook, LINE OA, Instagram การที่เราจะคอยสลับแอปฯ ตอบคำถามลูกค้าก็ดูเป็นเรื่องที่วุ่นวาย Page365 สามารถรวมแชทจากทุกช่องทางโซเชียลมาไว้ในที่เดียว พร้อมเปิดบิลออนไลน์ได้ในหน้าแชท และสามารถ เชื่อมกับสต๊อก LAZADA จัดการสต๊อกสินค้าได้ในระบบเดียว ไม่ต้องสลับแอปให้ปวดหัวค่ะ

สมัครใช้งานฟรี

หากคุณสนใจใช้งาน Page365 คุณสามารถ สมัครใช้งานฟรี

หรืออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เริ่มต้นกับ Page365 หรือ ทำไมเราถึงฟรี?

บทความยอดนิยม