เริ่มต้นลงโฆษณา โปรโมสโพสต์ บน Facebook ด้วยตัวเอง สำหรับมือใหม่ อัพเดตล่าสุดปี 2024 แม่ค้าออนไลน์หลายคนบอกว่าวิธียิงแอด Facebook ยาก กฎระเบียบในการยิงแอดเยอะมาก ไม่อยากลงโฆษณาเอง แท้จริงแล้วไม่ยากอย่างที่คิดแน่นอน อ่านบทความนี้จบแล้วสามารถลงโฆษณาด้วยตัวเองได้เลยค่ะ :)

การยิงแอดคืออะไร

คำว่า “แอด” ย่อมาจาก “Facebook Advertising” คือการซื้อโฆษณาใน Facebook เพื่อโปรโมทสินค้า/บริการ ให้กลุ่มเป้าหมายของเรา รู้จัก สั่งซื้อ หรือจดจำสินค้าของเราได้ เปรียบเทียบง่าย ๆ เหมือนกับที่แบรนด์ต่างซื้อโฆษณาในทีวี เพื่อให้ผู้ชมอย่างเราเห็นค่ะ

Page365 แนะนำ

Page365 ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์แบบครบวงจร มี มีหน้ารวมแชทจากทุกโซเชียลช่วยจัดการหลังบ้าน พร้อมรองรับโพสต์ที่มีการยิงแอดโฆษณา Facebook ให้ร้านค้าสามารถรู้ได้ง่าย ๆ ว่าลูกค้าทักมาจากการยิงแอดโฆษณาตัวไหนได้จากหน้าแชทของ Page365 ค่ะ

สมัครใช้งาน Page365 ฟรี!

วิธียิงแอด ลงโฆษณา facebook อัพเดทล่าสุด ปี 2024

ก่อนอื่นเราต้องเข้าไปที่บัญชียิงโฆษณาของเราก่อนนะคะ บัญชีที่ใช้ยิงแอดหรือยิงโฆษณาใช้เฟสบุ๊คส่วนตัวเราได้เลยค่ะ โดย Facebook ได้แบ่งขั้นตอนการลงโฆษณาเป็น 3 ส่วนใหญ่ ๆ มีดังต่อไปนี้

1. Campaigns

1. Overview ของบัญชียิงโฆษณา เป็นหน้าแสดงผลลัพธ์ของโฆษณาที่เราซื้อไว้กับ Facebook ค่ะ เมื่อเราลงโฆษณาสำเร็จแล้ว การวัดผลโฆษณาต่าง ๆ จะรวมอยู่ที่หน้านี้

2. กด Campaigns > + Create เพื่อสร้างแอดหรือโฆษณาของเราค่ะ

3. Create New Campaign และเลือก Objective หรือวัตถุประสงค์ในการลงโฆษณาชุดนี้

โดยระบบ AI ของ Facebook จะไปค้นหาผู้ใช้งานที่มีแนวโน้มเป็นกลุ่มเป้าหมายของเราให้เอง ในปัจจุบัน Facebook ได้แบ่ง Objective ให้เลือกอยู่ 3 กลุ่มดังต่อไปนี้

Awareness คือ เน้นไปที่การทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก เช่น การกดไลก์ คอมเม้นต์ โฆษณาของเรา
Consideration คือ สร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย โดยยึดการเชื่อมต่อกับลูกค้าเป็นหลัก
Conversion คือ มุ่งเป้าหมายไปที่สร้างยอดขายให้กับธุรกิจของเรา

เมื่อเลือก Objective ที่เราต้องการได้แล้ว ระบบจะให้เราตั้งชื่อแคมเปญ จากนั้นคลิก Continue เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนต่อไปค่ะ

4. Campaign Details จะเป็นหน้าบอกรายละเอียดของแคมเปญและการตั้งเพิ่มเติม เช่น ทดสอบ A/B test (ซึ่งเป็นการตั้งค่าที่ละเอียดและ advance มากเกินไปสำหรับผู้เริ่มต้น เราสามารถเว้นไว้ก่อนได้ค่ะ), ใส่ Budget หรือจำนวนเงินที่เราต้องการใช้จ่ายไปกับแคมเปญนี้ โดยตั้งได้ 2 แบบค่ะ

Daily Budget คือ งบประมาณที่จะใช้จ่ายต่อวันในการลงโฆษณา
Lifetime Budget คือ การตั้งงบยิงแอดลงโฆษณาแบบตลอดอายุ Facebook จะคำนวณให้ตามวันที่เราตั้งค่าเปิดปิดโฆษนาให้อัตโนมัติค่ะ

เมื่อใส่วัตถุประสงค์ของโฆษณาเรียบร้อยแล้วก็กด Next เพื่อไปกำหนดกลุ่มเป้าหมายของเราได้เลยค่ะ

2. Ad Set

ขั้นตอนนี้เป็นส่วนที่สำคัญมากในการลงโฆษณาบน Facebook ในขั้นตอนนี้เราจะทำการเลือกกลุ่มเป้าหมายของโฆษณาชุดนี้ ถ้าเราเลือกกลุ่มเป้าหมายดี แอดเราก็จะปัง มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ค่ะ

1. Ad set name และกำหนดเวลา-วันที่ต้องการโฆษณาที่ Budget & schedule

2. Audience คือ การกำหนดข้อมูลต่างๆ เพื่อให้ Facebook ส่งโฆษณาให้กลุ่มผู้ใช้งานเหล่านั้น

Location คือ เลือกเป็น People who live this location คือ กลุ่มคนที่อยู่ในสถานที่นั้น เช่น เราจะส่งโฆษณานี้ให้คนไทย เราก็ต้องเลือก Thailand ค่ะ
Age คือ กำหนดช่วงอายุของกลุ่มเป้าหมายของเรา
Gender คือ กำหนดเพศของกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการส่งโฆษณาไปให้ถึง

4. Detailed Targeting : เลือก Targeting สำคัญที่สุดเพราะเราจะกำหนดเป้าหมายแบบละเอียดได้ในหัวข้อนี้ค่ะ

Demographics คือ ลักษณะทางประชากรศาสตร์ เช่น การศึกษา การทำงาน และไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ
Interests คือ ความสนใจกิจกรรมที่ชอบและหัวข้อที่เกี่ยวข้อง ยกตัวอย่าง ขายคอร์สออกกำลังกาย ก็ต้องเลือกเป็น Fitness and wellness
Behaviors คือ พฤติกรรมของผู้ใช้งาน ตั้งแต่ การใช้โทรศัพท์ การซื้อของออนไลน์

แนะนำ! สำคัญมากคือ ต้องดู Audience Size ประกอบกับการกำหนด Targeting ไปด้วยค่ะ

ขนาดของ Audience จะขึ้นอยู่กับรายละเอียดของ Targeting ที่เราใส่ไว้ค่ะ โดยแต่ละสีมีความหมายดังต่อไปนี้ค่ะ

สีเขียว หมายถึง ขนาดกลุ่มเป้าหมายเรากำลังพอดีแล้วค่ะ
สีเหลือง หมายถึง กลุ่มเป้าหมายกว้างมากไป Facebook ก็จะโฆษณาของเราไปไม่ถึงลูกค้าตัวจริงของเราค่ะ
สีแดง หมายถึง กลุ่มเป้าหมายแคบไปจน AI ของ Facebook หากลุ่มเป้าหมายให้โฆษณาได้ยากขึ้น

3. Placement คือ การเลือกว่าจะให้โฆษณาไปแสดงผลในส่วนไหนของ Platforms

เลือก Device โดยเลือกได้เป็นให้แสดงโฆษณานี้เฉพาะการใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์หรือบนโทรศัพท์ แนะนำให้เลือกทั้งคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์นะคะ
เลือก Platforms ที่ต้องการให้โฆษณาแสดงผล เลือกได้ทั้ง Facebook, Instagram, Messenger ผู้ใช้งานครั้งแรกแนะนำให้เลือกเป็น Facebook นะคะ

เมื่อเลือกทุกขั้นตอนครบแล้ว ให้กดปุ่ม Next ได้เลยค่ะ ขั้นตอนต่อไปเป็นขั้นตอนสุดท้ายแล้วนะคะ คือ การเลือกโพสต์ที่เราจะใช้ลงโฆษณาค่ะ

3. Ad

1.Ad name คือ ตั้งชื่อโฆษณา

2. Identity คือ การเลือกเพจที่เราต้องการยิงแอดลงโฆษณา

3. Ad setup คือ เลือกโพสต์สินค้าที่จะใช้ลงโฆษณา โดยจะแสดงโพสต์ของตามเพจที่เราเลือกไว้ในข้อที่ 1 ขึ้นมาให้ค่ะ

Create Ad คือ สร้างโพสต์ใหม่ที่ไม่มีในหน้าเพจ เพื่อใช้ในการลงโฆษณา
Use existing Post คือ การเลือกโพสต์จากหน้าเพจ มาใช้ลงโฆษณา
Use Mockup คือ เลือกใช้แบบจำลองของสินค้าแทนรูปภาพจริง ในการลงโฆษณา

3. Tracking คือ การติด Facebook Pixel สำหรับติดตามพฤติกรรมของลูกค้าที่เข้าชมเว็บไซต์ จากโฆษณาที่เราส่งไป หากไม่มี Facebook Pixel ก็ไม่ต้องใส่ข้อมูลในส่วนนี้นะคะ

ทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีการยิงแอด ลงโฆษณา Facebook แบบเริ่มต้น ที่ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ เมื่อเราใส่ข้อมูลครบแล้วแล้วให้กด Publish เพื่อส่งโฆษณาให้กับ Facebook ตรวจสอบและอนุมัติให้ค่ะ กด Publish แล้วระบบจะพาเราไปที่หน้า Campaigns สถานะโฆษณาจะเป็น In Review คือรอตรวจสอบนั้นเองค่ะ โฆษณาที่ระบบอนุมัติให้ลงโฆษณาได้ เราจะได้รับแจ้งเตือนผ่านทางเฟสบุ๊คที่ใช้ลงโฆษณาค่ะ

Tips: หากพบปัญหายิงแอดลงโฆษณา Facebook ไม่ผ่าน 11 เหตุผลที่โฆษณา Facebook ไม่อนุมัติ พร้อมวิธีแก้ไข

ความแตกต่างของการลงโฆษณา Facebook แบบ Boost Post กับ Ads

Boost Post คือ สามารถกดโปรโมทได้จากโพสต์นั้นบนหน้าเพจเลย ขั้นตอนเพียงแค่กำหนด Objective จำนวนเงิน ระยะเวลา แล้วกด Boost Post ได้เลยค่ะ โดยโพสต์ที่ซื้อโฆษณาจะขึ้นไปแสดงผลใน News feed ของกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ค่ะ
Facebook Ads คือ การซื้อโฆษณา Facebook ที่เลือก Objective ได้หลากหลาย สามารถกำหนดรูปภาพที่ใช้งาน มีปุ่ม Call To Action เช่น ปุ่ม Sign up, ปุ่ม Message เป็นต้น โดยเราสามารถเลือกได้ตามความต้องการเลยค่ะ เหมาะสำหรับเพจที่เริ่มต้นทำธุรกิจ ยังไม่มีฐานลูกค้า

น้องพิมเพลินขอเป็นกำลังใจให้แม่ค้าออนไลน์ทุกคนยิงแอด Facebook ให้ปัง ขายดีกันทุกคนเลยค่ะ ขายดีแล้วต้องมี Page365 รวมแชททุกโซเชียลช่วยจัดการหลังบ้านนะคะ ระบบเรารองรับ Inbox จากโพสต์ที่ยิงโฆษณาพร้อมร้านค้ายังสามารถรู้ได้ง่าย ๆ ว่าลูกค้าทักมาจากการยิงแอดโฆษณาตัวไหนได้จากหน้าแชทของ Page365 ด้วยนะคะ

สมัครใช้งานฟรี!

หากคุณสนใจใช้งาน Page365 คุณสามารถ สมัครใช้งานฟรี

หรืออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เริ่มต้นกับ Page365 หรือ ทำไมเราถึงฟรี?

บทความยอดนิยม