เริ่มต้นธุรกิจขายอาหารออนไลน์ แบบไหนถึงรุ่ง!!

 
food online.jpg
 

จากบทความ เปิดร้านขายอะไรดี ปี 2022 ลงทุนน้อย กำไรดี ธุรกิจอาหารออนไลน์จัดว่ามาแรงมาก ซึ่งผ่านมาเกือบจะสิ้นปีแล้วก็เป็นจริงตามเทรนด์ไม่บิดพลิ้ว แถมเรายังเห็นร้านอาหารเจ้าดังหลายแบรนด์ก็ขยับและปรับตัวเข้ามาเป็นธุรกิจแบบเดลิเวอรี่ ขายอาหารออนไลน์กันมากขึ้น ซึ่งใครที่อยากมาจับธุรกิจอาหารออนไลน์บ้างล่ะก็ ห้ามพลาดบทความนี้ค่ะ

สนใจตรงไหน เลือกอ่านได้เลย!


สิ่งที่ต้องรู้ ก่อนทำธุรกิจอาหารออนไลน์ ?

  • การรักษาคุณภาพอาหาร จนกว่าจะถึงมือลูกค้า คือสิ่งแรกที่คุณควรนึกถึงค่ะ ซึ่งถ้าหากคุณขายอาหารแห้ง ข้อดีก็คือสามารถเก็บไว้ได้นาน สามารถส่งไปรษณีย์ได้ แต่ถ้าหากขายอาหารสด จำเป็นต้องคำนึงถึงขั้นตอนนี้เป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการฟรีซ หรือการซีนอาหาร ก็ช่วยรักษาคุณภาพอาหารได้ค่ะ

  • การขนส่งควรเลือกให้เหมาะกับอาหารด้วย อย่างอาหารสดควรใช้การขนส่งแบบแมสเซนเจอร์, LINE MAN, Lalamove หรือขนส่งเอกชนอื่น ๆ แต่หากเป็นอาหารแห้งก็อาจจะใช้การส่งไปรษณีย์ หรือส่งแบบข้ามวันก็ได้ค่ะ

  • การโปรโมทต้องแข่งขันเยอะ เพราะลูกค้ามีตัวเลือกเยอะ อาจจะต้องใช้ภาพสินค้าโปรโมทที่สะดุดตา หรือไม่ก็สร้างเรื่องราวให้กับเมนูอาหาร ให้ดูมีลูกเล่นมีความน่าสนใจเพื่อดึงดูดให้ลูกค้าอยากซื้อไปรับประทานนั่นเอง


ธุรกิจอาหารออนไลน์นั้น อาหารประเภทไหนน่าขายที่สุด ?

  1. อาหารกล่อง

credit : chefjowcatering

credit : chefjowcatering

credit : chefjowcatering

credit : chefjowcatering

อาหารกล่องแบบเมนูเดียวจบนี่แหละที่ยังไงก็ขายได้แน่นอน แต่อย่าลืมใส่ใจเรื่องรสชาติด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย จีน ฝรั่ง ญี่ปุ่น หรือเกาหลี เพราะอย่าลืมว่าลูกค้าส่วนใหญ่ที่สั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่เป็นคนเมือง ชีวิตก็จะเร่งรีบ การขายอาหารกล่องแบบนี้แหละที่จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เป้าหมายส่วนใหญ่ได้ดีที่สุด


2.อาหารซีฟู๊ด

 
credit : เจ๊หงษ์ ซีฟู๊ด

credit : เจ๊หงษ์ ซีฟู๊ด

 

2-3 ปีที่ผ่านมาดูเหมือนจะเป็นปีทองของอาหารซีฟู๊ด เพราะร้านค้าออนไลน์เกิดขึ้นเยอะ แถมขายดีอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเมนูปูดอง กุ้งเแช่น้ำปลา หรือทะเลเผาต่าง ๆ จนกลายเป็นเมนูท๊อปบนโลกออนไลน์ และก็อย่างที่บอกว่าขายอาหารออนไลน์เน้นเมนูที่จัดส่งง่าย ซึ่งอาหารซีฟู๊ดแบบนี้ตอบโจทย์มาก ๆ ค่ะ

3. น้ำพริก

 
credit : Namprik.Jadjans

credit : Namprik.Jadjans

 

เมนูน้ำพริกก็ฮิตไม่แพ้กัน เพราะเป็นอาหารแห้งที่ลูกค้าชอบซื้อไปเก็บไว้ทาน แถมมีลูกค้ามากมายหลายแบบ ซึ่งหากคุณเลือกขายน้ำพริก เช่น น้ำพริกแห้ง น้ำพริกผัด คุณอาจจะไม่ต้องมานั่งทำวันต่อวัน เพราะค่อนข้างเก็บได้นานพอสมควร และง่ายต่อการจัดส่ง แต่ถ้าเป็นน้ำพริกที่มีน้ำเป็นส่วนผสม และทำวันต่อวัน ควรจะต้องบอกวิธีเก็บรักษาเพื่อยืดอายุของน้ำพริก หรือต้องบอกให้ชัดเจนว่าต้องกินให้หมดภายในกี่วันค่ะ

4. อาหารประเภททอด

credit : ใบตอง หมูทอดสยาม

credit : ใบตอง หมูทอดสยาม

credit : เนื้อทอดเทวดา by น้าเน็ก

credit : เนื้อทอดเทวดา by น้าเน็ก

พวกของทอดก็ขายง่ายนะคะ แต่แนะนำหน่อยว่าเมนูทอดของคุณต้องมีซิกเนเจอร์ที่ต่างจากคนอื่น จะมาขายหมูทอด เนื้อทอด ไก่ทอดธรรมดาก็ดูเหมือนลูกค้าเค้าจะเดินไปซื้อเองก็ได้ ไม่จำเป็นต้องอดทนรอซื้อในออนไลน์ แต่ถ้าคุณมีสูตรเด็ด หรือไอเดียที่แจ่มกว่าคนอื่น เปลี่ยนเมนูทอดให้น่าทานมากขึ้น รับรองว่าอาหารประเภทนี้ขายในออนไลน์ได้ดีมากๆค่ะ

5. อาหารคลีน

credit : DJPoom Menu

credit : DJPoom Menu

แน่นอนว่าเดี๋ยวนี้เทรนด์รักสุขภาพกำลังมาแรง โดยเฉพาะหนุ่มสาวนิยมทานอาหารคลีนเอามากๆ และมันก็หาทานยากซะเหลือเกิน ซึ่งนี่เป็นข้อดีหากคุณเลือกที่จะขายอาหารคลีนที่มีความต้องการในตลาดสูง กลุ่มเป้าหมายเยอะ แถมจัดส่งง่าย ธุรกิจของคุณก็จะไปได้สวยแน่นอน

6. ผลไม้สด

 
credit : aDay FRESH

credit : aDay FRESH

 

ฮิตไม่แพ้อาหารคลีนก็ต้องบรรดาผลไม้สดนี่แหละค่ะ มีลูกค้าจำนวนไม่น้อยเลยที่เบื่อกับการออกไปเดินจ่ายตลาด และเลือกที่จะสั่งสินค้าแบบเดลิเวอรี่ซะมากกว่า ซึ่งถ้าหากคุณคัดผลไม้ที่มีคุณภาพมาขาย พร้อมแพ็คแกจที่สวยงาม รับรองเลยว่าธุรกิจนี้ไปได้ไกลแน่นอน

7. อาหารสดแช่แข็ง

credit : Qfresh

credit : Qfresh

credit : Qfresh

credit : Qfresh

ตอนนี้อาหารสดแช่แข็ง เช่น ปลาสด กุ้งสด หมึกสด ก็เริ่มขยับมาขายออนไลน์มากขึ้น เนื่องด้วยเป็นสินค้าที่ขนส่งง่าย เป็นที่ต้องการของลูกค้าทั่วไป จึงเป็นอาหารอีกหนึ่งประเภทที่น่าจับตามองค่ะ

8. เบเกอรี่

credit : Bakery Maker

credit : Bakery Maker

credit : Bakery Maker

credit : Bakery Maker

ขายดีตลอดกาลคงหนีไม่พ้นเมนูเบเกอรี่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เค้ก ขนมปัง คุกกี้ หรือขนมไทย พ่อค้า แม่ค้าออนไลน์หลายคนเลือกเปิดรับทำเป็นออเดอร์ และจัดส่งให้ลูกค้า ซึ่งแน่นอนว่าวิธีนี้ยังเป็นวิธีที่ดีอยู่ และเบเกอรี่ก็ยังจัดส่งง่าย สามารถใช้ช่องทางการขนส่งได้หลายแบบค่ะ


อะไรบ้างที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษในการเริ่มธุรกิจขายอาหารออนไลน์?

  • การจัดส่ง

    สิ่งแรกเลยที่ธุรกิจอาหารออนไลน์จะต้องใส่ใจ นั่นก็คือ การจัดส่ง เพราะขั้นตอนนี้ค่อนข้างสำคัญ หากรสชาติอาหารของคุณจะเด็ดแค่ไหน แต่ขั้นตอนการจัดส่งล่าช้า ไม่เป็นไปตามที่ลูกค้าต้องการ บางทีลูกค้าก็ต้องโบกมือลา เพราะฉะนั้นคุณควรโฟกัสที่เรื่องการจัดส่งให้มาก และเลือกการจัดส่งให้เหมาะกับสินค้าของคุณ ซึ่งวันนี้เราจะมาเปรียบเทียบให้เห็นกันเลยว่าการจัดส่งแบบไหนดี และเหมาะกับธุรกิจของคุณมากที่สุด

    • ไปรษณีย์ไทย

      การจัดส่งแบบนี้เหมาะกับพวกเมนูอาหารแห้ง และเป็นเมนูอาหารที่สามารถเก็บไว้ได้นานค่ะ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าไปรษณีย์ไทยใช้ระยะเวลาจัดส่งค่อนข้างนานพอสมควร เช่น การจัดส่งแบบลงทะเบียนนั่นเองค่ะ

    • Kerry Express

      การจัดส่งด้วย Kerry ถือเป็นช่องทางที่หลายร้านเลือกใช้ค่ะ ซึ่งเค้ามีบริการแบบ Bangkok Sameday ส่งแบบภายในวันเดียวถึง โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ซึ่งเหมาะมากกับแบบอาหารแห้ง

    • LINE MAN

      แต่ที่นิยมสุดๆก็คงหนีไม่พ้นการจัดส่งด้วย Line Man นั่นเอง เพราะค่อนข้างจัดส่งแบบเรียลไทม์ เหมาะกับอาหารทุกประเภทค่ะ สามารถใช้บริการแมสเซนเจอร์ของเค้าวิ่งไปรับของถึงที่ได้เลย และจัดส่งค่อนข้างตรงเวลาค่ะ

    • Lalamove

      อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับบุคคลทั่วไป เหมาะกับอาหารประเภททั้งอาหารสด อาหารแห้ง หรืออาหารแช่แข็ง ก็อาสาบริการส่งให้ ส่วนใหญ่ส่งสินค้าในกรุงเทพ ซึ่งเค้าคอนเฟิร์มเลยว่าจะถึงมือผู้รับภายใน 1-2 ชั่วโมง

    • วินมอเตอร์ไซค์

      ง่ายสุดก็พี่วินแถวบ้านนี่แหละค่ะ มีอยู่ทุกตรอกซอกซอย เรียกใช้บริการได้เลย ค่าจัดส่งก็คิดตามระยะทาง แต่คุณอาจจะต้องคำนวณให้ดีสักหน่อย ป้องกันการคิดค่าส่งที่เกินจริงนั่นเองค่ะ


  • การโปรโมท

    ใช่แล้วค่ะ ธุรกิจจะเติบโตได้ ต้องอาศัยการโปรโมทที่ชัดเจน และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งการโปรโมทธุรกิจอาหารก็ไม่ได้แตกต่างจากธูรกิจทั่วไปสักเท่าไหร่ แต่ความยากจะอยู่ตรงที่ จะทำยังไงให้ลูกค้าเชื่อว่าของเราดี ของเรารสชาติอร่อย หรือแตกต่างจะร้านทั่วไปที่เค้าสามารถเดินออกไปซื้อเองได้ใกล้บ้าน ซึ่งช่องทางการโปรโมทควรจะมีทั้งแบบออนไลน์ และออฟไลน์

    • Facebook

      จัดเป็นช่องทางหลักสำหรับการโปรโมทร้าน รับลูกค้าใหม่ เอาไว้ลงคอนเทนต์เกี่ยวกับสินค้า ลงภาพสินค้า รวมไปถึงโปรโมทโปรโมชั่นต่างๆ และยังสามารถลงโฆษณาได้อีกด้วย

    • Instagram

      ช่องทางนี้ส่วนใหญ่เป็นนักช็อปกระเป๋าหนักค่ะ อาจต้องใช้รูปภาพที่สวยเว่อร์จริงๆ เพื่อดึงดูด อย่างพวกร้านเค้ก หรือร้านขนมแบบนี้จะขายดี เพราะภาพถ่ายออกมาสวย และแน่นอนว่าตอนนี้ไอจีก็สามารถลงโฆษณาได้แล้วเหมือนกัน

    • LINE OA

      ช่องทางนี้เน้นรับลูกค้าเก่า ไว้โปรโมท กระจายโปรโมชั่นต่างๆ และสามารถรับออเดอร์ในนี้ได้ด้วย ช่วยลดขั้นตอนได้ดีมากๆค่ะ


  • แพ็คเกจ และรูปสินค้า

    ภาพลักษณ์ หรือรูปถ่ายของอาหารที่น่าทาน ช่วยดึงดูดได้เสมอ ควรให้ความสำคัญกับภาพถ่าย และเรื่องของรูปแบบบรรจุภัณฑ์เป็นอีกสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ต้องดูดี สะอาด ปลอดภัย ลูกค้าซื้อไปแล้วสามารถนำไปอุ่นได้ทั้งบรรจุภัณฑ์ และอย่าลืมคิดถึงดีเทลเล็กๆน้อยๆอย่าง ช้อนส้อม ตะเกียบ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าด้วยนะคะ


  • การชำระเงิน

    เดี๋ยวนี้มีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย แล้วแต่แต่ละร้านจะเลือกใช้ แต่ถ้าเลือกใช้ระบบ Page365 ที่มีช่องทางการชำระเงิน ตั้งแต่การรับโอน จ่ายผ่านบัตรเครดิต,Line Pay และอื่นๆ ก็จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้มากขึ้น แถมดูน่าเชื่อถืออีกด้วย

เทคนิคการขายของกิน เมื่อเริ่มทำธุรกิจขายอาหารออนไลน์

  • ชื่อร้านโดดเด่น จำง่าย ได้ลูกค้า

    ชื่อร้านนั้นสำคัญไฉน? ชื่อร้านเป็นอีกหนึ่งกิมมิคเล็ก ๆ แต่ก็ช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับธุรกิจขายอาหารออนไลน์ของคุณอย่างมากค่ะ เพราะชื่อร้านที่โดดเด่น จำง่าย เป็นตัวช่วยเสริมให้กลายเป็นไวรัลชนิดหนึ่งให้เกิดการแชร์บอกต่อไปเรื่อย ๆ  นั่นเองค่ะ

    Tips : เทคนิคตั้งชื่อร้านขายของยังไงให้ขายดี


  • จัดเมนูราคาพิเศษ เพื่อเรียกลูกค้า

    การจัดทำเมนูในราคาพิเศษ เป็นอีกหนึ่งเทคนิคการขายของกินที่จะช่วยให้ธุรกิจขายอาหารออนไลน์ไปได้สวยค่ะ  เช่น เช็ตเมนูอาหาร, จับคู่สินค้าลดราคาพิเศษ เพื่อให้ลูกค้าเห็นความแตกต่างของราคาที่ชัดเจน ระหว่างอาหารที่จะเป็นเซ็ต กับ อาหารที่แยกเป็นเมนู  แต่ควรมีช่วงเวลาที่ชัดเจน เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดการตัดสินใจสั่งซื้อได้เร็วขึ้นค่ะ


  • สร้าง story บอกวัตถุดิบ เพิ่มมูลค่าให้กับอาหาร

    “พฤติกรรมการซื้อสินค้าส่วนใหญ่มักใช้อารมณ์ในการตัดสินใจล้วน ๆ” โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน ถ้าอาหารออนไลน์ที่เราจะขาย ใคร ๆ ก็ขายกันล่ะ ทำไงดี?

    ลองเอาแหล่งที่มาของวัตถุดิบมาเล่าเรื่อง (Story Telling) เพื่อสร้างมูลค่าให้กับของกินที่เรากำลังขายดูค่ะ บอกไปเลยว่าร้านของเราใช้วัตถุดิบอะไรบ้าง ดีต่อสุขภาพของลูกค้ายังไง เช่น ถ้าคุณขายน้ำพริกไข่ปู วัตถุดิบที่ใช้เป็นมะนาวสด น้ำปลาแท้อย่างดี Low Sodium ไข่ปูที่ใช้เป็นไข่ปูอะไรมาจากที่ไหน ฯลฯ ยิ่งเดี๋ยวนี้ผู้บริโภคเริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพและสนใจแหล่งที่มาของวัตถุดิบกันมากขึ้น ใช้เทคนิคนี้ ยังไงก็ขายได้ชัวร์ค่ะ ^^


  • Facebook Story และ IG Story สามารถช่วยสร้างแบรนด์ กระตุ้นยอดขายได้เร็ว

    โพสต์สินค้าลง Facebook Page, Instagram อย่างเดียวยังไม่พอ เราต้องใช้ฟีเจอร์ของเขาให้ครบค่ะ! เพราะแค่โพสต์ลงเพจ, IG ทั่วไป สินค้าของเราก็แค่โชว์หน้าฟีดของลูกค้าที่ติดตามเท่านั้น บางครั้งไม่ได้เลื่อนดูฟีดก็ไม่เห็นโพสต์อีก และน้อยมากค่ะที่ลูกค้าจะเข้ามาดูเพจของเราโดยเฉพาะ ลองโพสต์ลงใน Facebook Stories  และ IG Stories ไปด้วยค่ะ ใช้รูปสินค้าสวย ๆ หรือวิดีโอแนะนำแบบสั้น ๆ ก็สามารถรู้สึกสะดุดตา อ่านปุ๊บแล้วอยากกดปั๊บ! นอกจากนี้ Stories ยังมีข้อดี เรื่องการถูกจำกัดด้วยเวลา 24 ชม. ตรงนี้แหละค่ะ ที่จะยิ่งกระตุ้นให้ลูกค้าเข้ามาติดตามยิ่งขึ้น!



และทั้งหมดนี้ก็คือการเริ่มต้นธุรกิจอาหารออนไลน์ที่พ่อค้า แม่ค้าออนไลน์มือใหม่ควรต้องทำความเข้าใจ อีกทั้งเรื่องคุณภาพอาหาร รวมไปถึงบริการต่างๆก็เป็นหัวใจสำคัญ ที่ช่วยให้ธุรกิจก็เติบโตได้ไม่ยาก นอกจากนั้นต้องไม่ลืมผู้ช่วยดีๆ อย่าง Page365 ระบบช่วยจัดการร้านค้าครบวงจรที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณดำเนินไปอย่างราบรื่น สนใจสมัครใช้งานวันนี้ ฟรีตลอดชีพนะคะ ^^




หากคุณสนใจใช้งาน Page365 คุณสามารถ สมัครใช้งานฟรี

หรืออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เริ่มต้นกับ Page365 หรือ ทำไมเราถึงฟรี?